การปฏิบัติตนเพื่อความพ้นทุกข์แบบย่อๆ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)




การปฏิบัติตนเพื่อความพ้นทุกข์แบบย่อๆ

               
ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าคะ อยากจะเรียนถามว่า การปฏิบัติตนเพื่อความพ้นทุกข์แบบย่อๆ มีบ้างไหมเจ้าคะ...
               
หลวงพ่อ ต้องการแบบย่อหรือ...ต้องไม่ยืนตรง
               
ผู้ถาม อ้าว...ทำไมละครับหลวงพ่อ...
               
หลวงพ่อ งอเข่ามานิด...แล้วก็ย่อตัวลงมา ก็ความจริงอันดับแรกจับ พุทธานุสสติ ให้ทรงตัว หลังจากนั้นก็พิจารณากายคตานุสสติ ร่างกายนี้มันไม่ดีเต็มไปด้วยความสกปรก ร่างกายเป็นชิ้นเป็นตอนเป็นท่อน่ใช่ไหม...ไม่เป็นแท่งทึบมีอาการ ๓๒ คือ ผม...เล็บ...และฟัน เป็นต้น นี่เขาถือเป็น กายคตานุสสติ
               เห็นว่าทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกอันนี้เป็น อสุภกรรมฐาน เห็นว่ามันไม่ดีมันก็เป็นทุกข์ แล้วก็ สลายตัวไปในที่สุด หลังจากนั้นก็ตั้งจิตใจไว้เฉพาะ พระนิพพานเป็นอารมณ์ และก็พยายามตั้งตนตั้งใจทำตามนี้คือ
               ตัดโลภะ ความโลภ ด้วย จาคานุสสติกรรมฐาน ด้วยการให้ทาน
               ตัดโทสะ ความโกรธ ด้วยการรักษาศีล มีพรหมวิหาร ๔ เป็นเบื้องหน้า
               ตัดโมหะ ความหลง ด้วยการเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ร่างกายมันไม่ดี เราไมต้องการมัน ต้องการนิพพาน แค่นี้ง่ายๆ
               
ผู้ถาม แค่นี้ไปได้แน่ๆ เลย
               
หลวงพ่อ จะไปก็ได้จะอยู่ก็ได้
               
ผู้ถาม ไม่ขัดข้องเลย
               
หลวงพ่อ ไม่ขัดข้อง คำว่าไป...หมายถึงนิพพาน ยังไม่นิพพานก็ยังไม่ไป เนื้อแท้จริงๆ ต้องตัด โลภะ โทสะ โมหะ ๓ ตัวเท่านั้น แต่ว่าถ้าเราไม่ยึดพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ มันจะไม่มีการทรงตัวนะ
               
ผู้ถาม ครับ...
               
หลวงพ่อ เอาง่ายๆ ดีกว่า ถือบันไดขั้นแรกไว้ก่อน ถืออารมณ์พระโสดาบันไว้ก่อน ง่ายดี อารมณ์พระโสดาบันนี้ก็คือ
               1. เคารพพระพุทธเจ้า
               2. เคารพพระธรรม
               3. เคารพพระอริยสงฆ์
               4. มีศีล ๕ บริสุทธิ์
               5. ตั้งจิตไว้เฉพาะพระนิพพาน
               อันนี้ง่ายๆ ถ้าอันนี้ได้แล้ว...ไอ้เรื่องมรรคผลก็กลายเป็นของไม่ยาก


(หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๑๒๐-๑๒๑)

การจุดธูป (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)




การจุดธูป
 
               
ผู้ถาม เวลากราบศพ มีคนเขาบอกว่าให้ใช้ธูปดอกเดียวอันนี้จะถูกไหมคะ
               
หลวงพ่อ ถูก...ถ้าจุดไม่ถูกก็ไม่มีติดสิ
               
ผู้ถาม (หัวเราะ)
               
หลวงพ่อ จุดธูปนี่...พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเลยว่าจุดกี่ดอก สมันพระพุทธเจ้าเวลาที่จะไปฟังเทศน์ มีธูปเทียนดอกไม้ไปบูชา แต่ว่าจุดกี่ดอกไม่เคยบังคับ บูชาผีต้องจุดดอกเดียว บูชาเทวดาต้อง ๒ ดอก ไอ้นั่นว่ากันเองแหละ...ถ้าหากว่าฉันเป็นคนขายธูปนะ จะบอกว่าถ้าบูชาพระควรใช้ธูป ๑ ห่อ จะได้ขายคล่องๆหน่อย ความจริงไม่มีนะ เขาไม่ได้บังคับ...เท่าไรก็ได้แต่ว่าก็เป็นไปตามความพอใจ ถ้าเคยปฏิบัติแบบไหน...ก็ให้เป็นไปแบบนั้น
               
ผู้ถาม แล้วก็มีคนบอกอีกแหละครับ...หลวงพ่อเขาบอกว่าห้ามจุดธูปดำ เดี๋ยววิญญาณดำๆ จะมาอันนี้จริงไหมครับ... หลวงพ่อ
               
หลวงพ่อ เขาคนนั้นว่าถ้าจะจริง คนอื่นไม่เกี่ยว ก็ไอ้คนที่มันจะตาย มันจะลืมตาดูสีรึ...ไอ้ธูปดำๆ กลิ่นมันใช่ไหม... อันนี้มีประโยชน์มาก ถ้าบังเอิญแกได้กลิ่นธูปหอมๆ กระทบจมูก เวลานั้นประสาทไม่ค่อยดีแล้วใช่ไหม...มันดื้อมาก ต้องกลิ่นแรงๆหน่อย ถ้ากระทบเข้ามาก็เกิดความรู้สึก เอ๊ะ!ไอ้ธูปกลิ่นนี้เคยบูชาพระ พอนึกถึงพระหน่อยเดียวตอนนั้นถ้าตายไปแล้วไปสวรรค์ทันที นี่มีประโยชน์มาก


(หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๗ หน้า ๑๐๑-๑๐๒)

ฝันเห็นหัวกะโหลก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)




                            ฝันเห็นหัวกะโหลก
             
  ผู้ถาม ไม่กี่วันผันว่า...มีหัวกะโหลกตัวหนึ่งยื่นมือมาทางหนู หนูจึงภาวนา "พุทโธ" แล้วเป่าไป ไอ้หัวกะโหลกตัวนั้นมันก็ภาวนา "พุทโธ" แล้วก็เป่ามาทางหนู หนูจึงคิดว่าพุทโธนี้ยังไม่เฮี้ยน ก็เลยเปลี่ยนใหม่ว่า "อิติปิ โส" แล้วก็เป่าไปมันก็ "อิติปิ โส" แล้วก็เป่ามา เป่ากันไปเป่ากันมา ในที่สุดมันให้งูตัวหนึ่งมากับหนู แล้วมาบอกให้หนูปล่อยงูไปเสียนะ ภายในอาทิตย์นี้ มิฉะนั้นจะเดือดร้อน หนูอยากเรียนถามว่า ถ้าจะปล่อยปลาไหลแทนงูจะได้ไหมเจ้าคะ
               
หลวงพ่อ ไม่ได้...ต้องปล่อยงู...งูไหล หยิบปลาไหลมาแล้วปล่อยไป บอก...งูไหล
               
ผู้ถาม (หัวเราะ)
               
หลวงพ่อ ก็ดีนี่...ที่บ้านมีงูหรือเปล่า...ก็สงสัยนะเขาบอกให้ปล่อยงู ไอ้งูนั่นมันเป็นอะไรนะ ฉันก็เคยโดนมาแล้ว ว่าคาถากันผีไปบทหนึ่ง ท่านบอกว่า "เฮ้ย ! ไอ้บทนี้มึงว่าได้ครึ่งเดียวนี่หว่า" ท่านเลยต่อให้อีกครึ่งหนึ่ง พวกนี้ไม่ใช่ผี เป็นเทวดาชั้น จาตุมหาราช
               ที่เขาบอกว่าให้ปล่อยงู ก็ให้ตัดกังวลในร่างกายเสีย ตัดอุปาทาน คิดว่า...ร่างกายนี่เป็นเรา เป็นของเรา เขาแสดงให้ดู ไอ้ร่างกายนี่จริงๆ เอาเนื้อออกหมด มันเหลือแค่กระดูกแบบนั้น ให้จำภาพนั้น เท่านั้นเอง
               พวกนี้ท่านก่อนจะตายท่านได้ฌานไปก่อน และท่านคุ้มครองอยู่ใช่ไหม...ท่านเห็นว่ายังติดในร่างกายเกินไป เพราะร่างกายถ้าเนื้อมันหมดไปเหลือแต่กระดูกแบบนี้ มันสวยไหม...คำว่า "ปล่อยงู" คือ "ปล่อยความยึดมั่นว่า...ร่างกายเป็นเรา เป็นของเราเสียเท่านั้นเอง"
               
ผู้ถาม สมมุติว่าปล่อยอุปาทานได้ จะไปนิพพานได้ไหมครับ
               
หลวงพ่อ ยังไม่ตาย...ยังไม่ไป แต่ว่าถ้าได้มโนมยิทธิจะไปได้ ถ้าปล่อยตัวอุปาทานตัวนี้ได้ก็ไป เพราะไปนิพพานมันตัดร่างกายตัวเดียว ถือว่าร่างกายไม่เป็นเรื่อง เราพอใจในพระนิพพานเท่านั้นเอง
               
ผู้ถาม ฉะนั้น...ใครกิแกงงู ไปนิพพานไม่ได้...
               
หลวงพ่อ ได้ซิ...กินงูเสียหมดแล้วนี่ งูไม่มีเกาะ อย่าไปเชื่อนะ เป็นอันว่าตามนั้นนะ เขาแนะนำว่า ร่างกายเรา ร่างกายเขามีสภาพเช่นเดียวกัน ถ้าเนื้อหมดไปก็เหลือแต่โครงกระดูกอย่างนี้ หาอะไรสวยสดงดงามมันไม่มี ความทรงตัวไม่มี ปล่อยงูคือปล่อยตัวอุปาทาน
               ค่อยๆ คิดว่า ร่างกายนี้มีสภาพจะต้องตาย ถ้าตายแล้วมีสภาพอย่างนี้ เราไม่สามารถจะอาศัยมันได้อีก ที่มีร่างกายแบบนี้มันก็ทุกแบบนี้ ถ้าปล่อยร่างกายนี้ทิ้งไปเสีย ร่างกายพังเมื่อไร...ไปนิพพานเมื่อนั้น นี่ละปล่อยงู
               
ผู้ถาม ผมนี่ฝันมานานแล้ว ยังไม่ไปนิพพานสักที
               
หลวงพ่อ ไปไม่ได้...ฉันยังไม่ตาย ไปนิพพานหมด ฉันกินอะไรล่ะ...
               
ผู้ถาม แล้วในคืนนั้น หลวงพ่อมาเข้าฝันดิฉันว่า "รอเอ็งอยู่คนเดียว" อย่างนี้ หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ...
               
หลวงพ่อ ฝันตรงเป๋งเลย! รอคนเดียวยังไม่ให้สตางค์จึงต้องไปตามถึงบ้าน ใช่ไหม...
               
ผู้ถาม แหม...ไม่น่าฝันอย่างนี้เลย
               
หลวงพ่อ (หัวเราะ)...อ้าว...ภิกขุ แปลว่า "ผู้ขอ" มีหน้าที่ขอ ถ้าไม่ขอก็ไม่ใช่ภิกขุแท้ "รอเอ็งคนเดียว" หมายความว่า ยังตัดสินใจไม่แน่นอน ไปนิพพานน่ะ ตั้งใจให้มันแน่ ในเมื่อมีสิทธิ์จะไปก็ตัดสินใจให้แน่นอนเสีย


(หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๖ หน้า ๑๗-๒๐)