มาร ๕ อย่าง
หลวงพ่อ อ้อ ! ... นี่ไปแค้นใคร เอาชื่อมาให้ฉัน ฉันจะฝังดินให้
ผู้ถาม (หัวเราะ) พอจิตไม่สงบก็ไม่แค้น พอสมาธิสงบ แหม...มันก็แค้น!
หลวงพ่อ เรื่องนี้ดีมาก ที่ญาติโยมถาม ถามดี...การเจริญพระกรรมฐานต้องพิจารณาถึง "มาร ๕ อย่าง" ให้มาก
ผู้ถาม เป็นไงครับหลวงพ่อ มาร ๕ อย่าง
หลวงพ่อ มาร แปลว่า ผู้ฆ่า ใช่ไหม...มาร ๕ อย่าง คือ
๑. กิเลสมาร
๒. มัจจุราช
๓. อภิสังขารมาร
๔. เทวปุตตมาร
๕. ขันธมาร
มาร แปลว่า ผู้ฆ่าความดี พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ามี ๕ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความสำคัญๆก็คือ "กิเลสมาร" กับ "ขันธมาร" รบกวนเราเรื่อย
ขันธมาร หมายความว่า เวลาจะทำความดี ปฏิบัติกรรมฐานทำสมาธิจิตหรือทำบุญทำทาน ไอ้ความป่วยไข้ไม่สบายมันเข้ามาขวาง อย่างนี้เรียกว่า "ขันธมาร"
อย่างที่โยมถามมาเมื่อกี้นี้เป็น "กิเลสมาร" ตัวนี้สำคัญ ต้องถือว่าคนนี้เป็นคนที่น่าชมมาก คนดีนะคนนี้ เพราะอะไร...เพราะยามปกติไม่โกรธใช่ไหม แสดงว่าอารมณ์หยาบหมดไป ไอ้กิเลสหยายที่โกรธหมดไป
ที่นี้เวลาที่ทำจิตละเอียด เกิดความแค้นขึ้นมากระตุ้นขึ้นมาตัวนี้ไอ้กิเลสที่เป็น "อนุสัย" ตัวละเอียดอย่างนี้ถือว่า เขาชนะมากแล้วนะคนนี้ อย่างนี้ถือว่าชนะหยาบต่อสู้กันละเอียดแล้ว ถ้าต่อสู้กับละเอียดชนะก็จะชนะเด็ดขาด วิธีทำแบบนี้ก็เคยมีมาด้วยกันทุกคนนะ ฉันก็เคยเจอมา
ผู้ถาม หลวงพ่อก็เคยมีเหมือนกันเหรอครับ...
หลวงพ่อ มี...ทุกอย่างที่ถามมามีทุกอย่าง
ผู้ถาม อ้อ...มีครบเลยนะ
หลวงพ่อ มีครบถ้วน...เพราะเลวมีครบถ้วน
ผู้ถาม เป็นพระมีเลวเหมือนกันหรือครับ
หลวงพ่อ เลว...ถ้าพระไม่เลว บวชอยู่ไม่ได้
ผู้ถาม เอ๊ะ ! เป็นยังไงครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ ถ้าพระดีเขาไม่บวช ไปนิพพานเลย
ผู้ถาม อ้อ...
หลวงพ่อ ฉันมันเป็นกังหันนี่ หมุนดะ..แต่ว่าเมื่อกี้ถามว่ายังไงนะ วิธีแก้ใช่ไหม
ผู้ถาม ครับวิธีแก้
หลวงพ่อ ถ้ารู้สึกตัวมา ถ้าอารมณ์ระงับก็ถอยหลังคิดว่า อารมณ์จิตอย่างนี้ไม่น่าจะมีแก่เรา เพราะว่าตามปกติเราก็ให้อภัยอยู่แล้ว ทำไมเวลาจิตสงบสงัดจะต้องมาคิดอย่างนี้ ให้คิดว่าอันนี้ไม่ควรอารมณ์อย่างนี้ ให้คิดแค่นี้ว่าไม่ควร อารมณ์อย่างนี้มันจะมีไม่นานนัก ถ้าเวลาเลิกจิตสบายแล้วก็คิดว่า อันนี้มันผิดไปแล้ว ไม่ควรจะทำให้เศร้าหมองแบบนี้ ความดีที่มีอยู่จะคุ้มครองไม่ได้เมื่อเวลาตาย ถ้าเวลาตายจิตเศร้าหมองแบบนี้ เราต้องลงอบายภูมิ ๒-๓ ครั้งมันจะหาย ค่อยๆเรื่อยๆไปไม่ช้ามันจะหาย
อันนี้ดีมาก ต้องขอชม คนนี้กิเลสหยาบเฉพาะโทสะ ผ่านไปแล้ว อันนี้น่าต้องคิด
ผู้ถาม ควรแก่การอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
หลวงพ่อ ใช่...ควรแก่การรับ "ทาน"
ผู้ถาม เอ๊ะ...!
หลวงพ่อ อ้าว...พระ "ให้" ไม่มี...มีแต่ "ขอ" อย่างเดียว
ผู้ถาม อ๋อ...
(หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๕ หน้า ๗๕-๗๗)